ประวัติของถุงยางอนามัย
- ที่มาของชื่อถุงยาง
ถุงยางอนามัยนั้นคืออุปกรณ์คุมกำเนิดที่ใช้ในตอนเย็ดกันซึ่งนิยมกันมากในปัจจุบันเพราะง่ายและได้ประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากการคุมกำเนิดแล้วยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น HIV หนองใน ซิฟิลิส ฯลฯ ได้อีกด้วย โดยถุงยางอนามัยนั้นนิยมใช้กับผู้ชายโดยสวมครอบลงไปคลุมอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัวของผู้ชายและเมื่อเย็ดกันจนถึงจุดสุดยอดแล้วอสุจิของผู้ชายนั้นจะถูกเก็บเอาไว้ในถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยชื่อของถุงยางอนายมัยในภาษาอังกฤษนั้นคือ Condom ซึ่งมาจากภาษาละตินที่แปลว่าภาชนะรองรับซึ่งก็มาจากลักษณะการทำงานของมันนั่นเอง - ประวัติความเป็นมา
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นถุงยางอนามัยถูกใช้ครั้งแรกสุดอย่างน้อยเมื่อ 400 ปีก่อน ซึ่งเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมที่สุดตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยมีหลักฐานปรากฏว่าเริ่มใช้ถุงยางอนามัยกันในแถบยุโรปจากภาพเขียนฝาผนังที่พบในถ้า Cabarelles ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะมีการพูดถึงที่มาของชื่อ Condom ว่ามาจากอะไร แต่ก็มีบางความเชื่อที่คิดว่าน่าจะมีชื่อมาจาก Dr. Condom ซึ่งผลิตถุงทิชชู่ถวายแก่พระเจ้าซาร์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ต่อมา Goodyear and Hancock ได้เริ่มผลิตถุงยางอนามัยที่ทำจากยางและมีกำมะถันเป็นส่วนผสมซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นเป็นอย่างดี
ต่อมาโฆษณาถุงยางอนามัยตัวแรกก็ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์The New York Time ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยข้อความว่า Dr. Power’s French Preventative ในปีคริสต์ศักราช 1861 แต่ในปีคริสต์ศักราช 1873 The Comstock Law ก็ได้มีการห้ามโฆษณาอุปกรณ์คุมกำเนิดทุกรูปแบบและอนุญาตให้ไปรษณีย์ยึดได้หากพบในพัสดุอีกด้วย จนกระทั่งในปีคริสต์ศักราช 1900 Social Hygienists ก็ได้มีการพยายามต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้ามใช้ถุงยางอนามัยเนื่องจากในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นได้มีทหารอเมริกาในสงครามติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่อนข้างสูงและในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีทหารอเมริกันมากถึงร้อยละ 70 ที่ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย ทำให้รัฐบาลของสหรัฐเริ่มรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนเมื่อคริสต์ศักราช 1960 ก็ได้มีการปฏิวัติเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งทำให้คนหันมาเย็ดกันแบบไม่ใช้ถุงยางมากขึ้น ก่อนที่ในอีก 20 ปีต่อมาจะเกิดการระบาดของโรค HIV ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักและหันมาใช้ถุงยางในการเย็ดกันอีกครั้ง และตั้งแต่คริสต์ศักราช 1990 จนถึงปัจจุบันก็ได้มีการผลิตถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากและยังมีหลากหลายรูปแบบ หลายสีสัน หลายรูปทรง รวมทั้งหลากหลายกลิ่นให้ผู้ใช้อย่างเราได้เลือกสรรกันมากมายเลยล่ะครับ